คำแนะนำการจุดธูปไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์

คำแนะนำการจุดธูปไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์

ธูป ใช้สำหรับการจุดสักการบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์หรือเทพเจ้ามาตั้งแต่ยุคอียิปต์โบราณ เป็นเครื่องหอมชนิดหนึ่งที่ทำมาจากเนื้อไม้หอม (Aromatic) ในหลายๆชนิด เช่น กำยาน (Gum Benzoin) กันเกราหรือต้นบง (Tembusu) ไม้กฤษณา (Agar wood) จันทน์เทศ (Nutmeg) ซึ่งเป็นส่วนสำคัญนำมาบดเนื้อไม้ให้เป็นผงละเอียดและนำมาใช้เป็นวัตถุดิบในการทำธูปหอมต่อไป เวลาจุดธูปจะมีควัญและกลิ่นที่ลอยมาจากธูปหอมสดชื่น

จุดธูปไหว้ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ กี่ดอก
         จุดธูปไหว้ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ กี่ดอก !! ถึงจะถูกวิธี

เชื่อว่ามีหลายๆคนไม่น้อยที่เวลาจุดธูปไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์หรือสิ่งที่เราเคารพบูชานั้นอาจจะมีคำถาม? หรือ งง? กันบ้าง!! ว่าเราควรจะจุดธูปกี่ดอกดีถึงจะถูกต้อง วันนี้ “พีดีธูปหอมไทย” มีเกร็ดความรู้เล็กๆน้อยๆมาฝากเพื่อนๆโดยผ่านการรวบรวมคัดสรรบทความการใช้ธูปจากหลายๆที่มาให้เพื่อเป็นข้อมูลกันค่ะตามมาอ่านกันเลย

การจุดธูปไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์

  • ๑ ดอก   ไหว้เจ้าที่เจ้าทาง ภูตผี ศพหรือวิญญาณ ที่ยังไม่ได้ขึ้นเป็นชั้นเทพ
  • ๒ ดอก   ไหวเรื่องที่เกี่ยวข้องกับวิญญาณและการจุดธูปบนอาหาร
  • ๓ ดอก   ไหว้บูชาพระรัตนตรัย บูชา พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์
  • ๔ ดอก   ไหว้เกี่ยวกับธาตุสี่ ใช้ในการสวดเสริมดวงชะตาราศี
  • ๕ ดอก   ไหว้บูชาพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ พ่อแม่และครูบาอาจารย์
  • ๖ ดอก   ไหว้ดวงชะตาตามกำลังไฟของพระอาทิตย์ ของคนที่เกิดวันอาทิตย์
  • ๗ ดอก   จุดบูชาจิตวิญญาณตามศาลเจ้าพ่อเจ้าแม่ และครูบาอาจารย์ที่เสียชีวิตแล้ว
  • ๘ ดอก   การเสริมดวงชะตา ตามกำลังพระอังคาร และตามจำนวนอัฎฐเคราะห์
  • ๙ ดอก   จุดธูปบูชาผู้มีพระคุณ พระภูมิเจ้าที่ เทพ เจ้าป่า เจ้าเขา รุกขเทวดา ศาลพระภูมิ ศาลเทพ พระเกตุ กำลัง ๙
  • ๑๐ ดอก   เกี่ยวข้องกับธาตุไฟ ตามกำลังของพระเสาร์ มีกำลัง ๑๐ เพื่อใช้ในการสวดเสริมดวงชะตา
  • ๑๑ ดอก   จุดบูชาเทวดาชั้นสูง
  • ๑๒ ดอก   จุดบูชาบูชาตามกำลังพระราหู ใช้ในการสวดเสริมดวงชะตา คนที่เกิดวันพุธกลางคืน
  • ๑๔ ดอก   จุดธูปบูชารูปปั้นพระสงฆ์ (เป็นการบูชาคุณพระสงฆ์)
  • ๑๕ ดอก   ใช้สวดบูชาดวงชะตา เกี่ยวข้องกับธาตุ ตามกำลังของพระจันทร์
  • ๑๖ ดอก   จุดธูปบูชาเทพชั้นสูง บูชาเทพชั้นครู หรือ พิธีกลางแจ้ง ที่มีการอัญเชิญเทวดา ที่สำคัญหมายถึงสวรรค์ ๑๖ ชั้น
  • ๑๗ ดอก   เป็นการเสริมดวงชะตา บูชาตามกำลังพระพุธ มีกำลัง ๑๗ สวดเสริมดวงชะตาของคนเกิดวันพุธ(กลางวัน)
  • ๑๘ ดอก   ไม่นิยมจุดบูชา
  • ๑๙ ดอก   จุดบูชาเทวดาทั้ง ๑๐ ทิศ บูชาตามกำลังพระพฤหัสบดี มีกำลัง ๑๙
  • ๒๑ ดอก   บูชาพระคุณของพ่อ การบูชาแม่พระธรณี บูชาพระศุกร์ มีกำลัง ๒๑
  • ๓๒ ดอก   จุดสวดชุมนุมเทวดาทั้ง ๔ ทิศ การไหว้ ๑๖ ชั้นฟ้า ๑๕ ชั้นดินและ ๑ โลกมนุษย์
  • ๓๙ ดอก   จุดบูชาพระแม่โพสพ
  • ๕๖ ดอก   เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับบูชาคุณพระพุทธเจ้า
  • ๑๐๘ ดอก   บูชาสิ่งสูงสุดทั่วทั้งโลกทุกชั้นฟ้า

หมายเหตุ. สังเกตุกันไหม?ว่า ทำไม? “การจุดธูป ๑๓ ดอก” ตั้งแต่โบราณมีความเชื่อว่าเพราะเลขไม่เป็นมงคลจึงไม่ได้รับความนิยม

จากบทความที่เราได้รวบรวมมาข้างต้นนั้น อาจจะทำให้เพื่อนๆหลายคนหันมาจุดธูปอย่างถูกวิธีกันบ้านนะค่ะ ส่วนใครจะจุดธูปกันกี่ดอกไหว้และสักการสิ่งที่เราเคารพบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ ก็ดูแล้วนำไปปรับใช้กันได้ตามสบายเลยค๊า… ^_^

ขอบคุณแหล่งที่มาข้อมูลเบื้องต้น Cr.https://th.wikipedia.org

วันวิสาขบูชา วันสำคัญทางศาสนาพุทธ

วันวิสาขบูชา พ.ศ.๒๕๖๑
ตรงกับวันขึ้น 15ค่ำ เดือน 6 เป็นวันคล้ายวันประสูติ ตรัสรู้และ ปรินิพพานขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งสิ่งที่สำคัญยิ่งในการบังเกิด…พระพุทธเจ้าในโลกก็คือ……
🙏🏻“ธรรมะ”🙏🏻ที่พระองค์ทรงตรัสรู้ อันเป็นหลักในการดำเนินชีวิต ทรงเปรียบเสมือนบรมครูผู้มาสอน มาชี้แนะแก่มวลมนุษย์มิฉะนั้นคนเราก็คงไม่รู้จักหนทาง..แห่งการ”ปฏิบัติธรรม”เพื่อล่วงพ้นความทุกข์ เป็นแน่แท้ และวันวิสาขบูชา นี้องค์การสหประชาชาติได้มีมติรับรองให้ เป็นวันสำคัญสากล เมื่อปี พ.ศ.2542

🌟ความหมายของวันวิสาขบูชา🌟
คำว่า วิสาขบูชา ย่อมาจากคำว่า
“วิสาขปุรณมีบูชา” แปลว่า “การบูชาในวันเพ็ญเดือนวิสาขะ” ดังนั้น วิสาขบูชา❗️จึงหมายถึง การบูชาในวันเพ็ญเดือน 6 การกำหนด 🔆วันวิสาขบูชา
🔅วันวิสาขบูชา🔅ตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำเดือน 6 ตามปฏิทินจันทรคติของไทย ซึ่งมักจะตรงกับเดือนพฤษภาคม หรือมิถุนายน แต่ถ้าปีใดมีอธิกมาส คือ มีเดือน 8 สองหน ก็เลื่อนไปเป็นวันขึ้น 15 ค่ำ กลางเดือน 7 หรือราวเดือนมิถุนายน🏵

วันวิสาขบูชา วันสำคัญทางศาสนาพุทธ
วันวิสาขบูชา วันสำคัญทางศาสนาพุทธ

🏵ประวัติและความสำคัญของวันวิสาขบูชา

🔅วันวิสาขบูชา🔅ถือเป็นวันสำคัญยิ่งทางพระพุทธศาสนา เพราะเป็นวันที่เกิด 3 ‼️เหตุการณ์สำคัญที่เกี่ยวกับวิถีชีวิตของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เวียนมาบรรจบกันในวันเพ็ญเดือน 6 แม้จะมีช่วงระยะเวลาห่างกันนับเวลาหลายสิบปี ซึ่งเหตุการณ์อัศจรรย์ 3 ประการ ได้แก่

1. วันวิสาขบูชา เป็นวันที่พระพุทธเจ้า🙏🏻ประสูติ เมื่อพระนางสิริมหามายา พระมเหสีของพระเจ้าสุทโธทนะ แห่งกรุงกบิลพัสดุ์ ทรงพระครรภ์แก่จวนจะประสูติ พระนางแปรพระราชฐานไปประทับ ณ กรุงเทวทหะ เพื่อประสูติในตระกูลของพระนางตามประเพณีนิยมในสมัยนั้น ขณะเสด็จแวะพักผ่อนพระอิริยาบถใต้ต้นสาละ ณ สวนลุมพินีวัน พระนางก็ได้ประสูติพระโอรส ณ ใต้ต้นสาละนั้น ซึ่งตรงกับวันเพ็ญเดือน 6 ก่อนพุทธศักราช 80 ปี ครั้นพระกุมารประสูติได้ 5 วัน ก็ได้รับการถวายพระนามว่า “สิทธัตถะ” แปลว่า “สมปรารถนา”เมื่อข่าวการประสูติแพร่ไปถึงอสิตดาบส 4 ผู้อาศัยอยู่ในอาศรมเชิงเขาหิมาลัย และมีความคุ้นเคยกับพระเจ้าสุทโธทนะ ดาบสจึงเดินทางไปเข้าเฝ้า และเมื่อเห็นพระราชกุมารก็ทำนายได้ทันทีว่า นี่คือผู้จะตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จึงกล่าวพยากรณ์ว่า “พระราชกุมารนี้จักบรรลุพระสัพพัญญุตญาณ เห็นแจ้งพระนิพพานอันบริสุทธิ์อย่างยิ่ง ทรงหวังประโยชน์แก่ชนเป็นอันมาก จะประกาศธรรมจักรพรหมจรรย์ของพระกุมารนี้จักแพร่หลาย” แล้วกราบลงแทบพระบาทของพระกุมาร พระเจ้าสุทโธทนะทอดพระเนตรเห็นเหตุการณ์นั้นทรงรู้สึกอัศจรรย์และเปี่ยมล้นด้วยปีติ ถึงกับทรุดพระองค์ลงอภิวาทพระราชกุมารตามอย่างดาบส
2. วันวิสาขบูชา เป็นวันที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้อนุตตรสัมโพธิญาณ 🙏🏻
หลังจากออกผนวชได้ 6 ปี จนเมื่อพระ🙏🏻ชนมายุ 35 พรรษา เจ้าชายสิทธัตถะก็ทรงตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า ณ ใต้ร่มไม้🏵ศรีมหาโพธิ์ ฝั่งแม่น้ำเนรัญชรา ตำบลอุรุเวลาเสนานิคม ในตอนเช้ามืดของวันพุธ ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 6 ปีระกา ก่อนพุทธศักราช 45 ปี ปัจจุบันสถานที่ตรัสรู้แห่งนี้เรียกว่า พุทธคยา เป็นตำบลหนึ่งของเมืองคยา แห่งรัฐพิหารของอินเดีย ❗️
สิ่งที่ตรัสรู้ คือ อริยสัจสี่ เป็นความจริงอันประเสริฐ 4 ประการของพระพุทธเจ้า ซึ่งพระพุทธเจ้าเสด็จไปที่ต้นมหาโพธิ์ และทรงเจริญสมาธิภาวนาจนจิตเป็นสมาธิได้ฌานที่ 4 แล้วบำเพ็ญภาวนาต่อไปจนได้ฌานยามต้น : ทรงบรรลุ “ปุพเพนิวาสานุติญาณ ” คือ ทรงระลึกชาติในอดีตทั้งของตนเองและผู้อื่นได 🔆ยามสอง : ทรงบรรลุ “จุตูปปาตญาณ” คือ การรู้แจ้งการเกิดและดับของสรรพสัตว์ทั้งหลาย ด้วยการมีตาทิพย์สามารถเห็นการจุติและอุบัติของวิญญาณทั้งหลาย
🔆ยามสาม หรือยามสุดท้าย : ทรงบรรลุ “อาสวักขญาณ” คือ รู้วิธีกำจัดกิเลสด้วย อริยสัจ 4 (ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค) ได้ตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ในคืนวันเพ็ญเดือน 6 ซึ่งขณะนั้นพระพุทธองค์มีพระชนมายุได้ 35 พรรษา
3. วันวิสาขบูชา เป็นวันที่พระพุทธเจ้าเสด็จเข้าสู่ปรินิพพาน (ดับสังขารไม่กลับมาเกิดสร้างชาติ สร้างภพอีกต่อไป)
เมื่อพระพุทธองค์ได้ตรัสรู้และแสดงธรรมเป็นเวลานานถึง 45 ปี จนมีพระชนมายุได้ 80 พรรษา ได้ประทับจำพรรษา ณ เวฬุคาม ใกล้เมืองเวสาลี แคว้นวัชชี ในระหว่างนั้นทรงประชวรอย่างหนัก ครั้นเมื่อถึงวันเพ็ญเดือน 6 พระพุทธองค์กับพระภิกษุสงฆ์ทั้งหลาย ก็ไปรับภัตตาหารบิณฑบาตที่บ้านนายจุนทะ ตามคำกราบทูลนิมนต์ พระองค์เสวยสุกรมัททวะที่นายจุนทะตั้งใจทำถวายก็เกิดอาพาธลง แต่ทรงอดกลั้นมุ่งเสด็จไปยังเมืองกุสินารา ประทับ ณ ป่าสาละ เพื่อเสด็จดับขันธ์ปรินิพพาน
เมื่อถึงยามสุดท้ายของคืนนั้น พระพุทธองค์ก็ทรงประทานปัจฉิมโอวาทว่า “ดูก่อนภิกษุทั้งหลายอันว่าสังขารทั้งหลายย่อมมีความเสื่อมสลายไปเป็นธรรมดา ท่านทั้งหลายจงยังกิจทั้งปวงอันเป็นประโยชน์ของตนและประโยชน์ของผู้อื่นให้ บริบูรณ์ด้วยความไม่ประมาทเถิด” หลังจากนั้นก็เสด็จเข้าดับขันธ์ปรินิพพาน ในราตรีเพ็ญเดือน 6 นั้น 🙏🏻

🏵กิจกรรมที่พุทธศาสนิกชนพึงปฏิบัติ🏵
1.ทำบุญใส่บาตร กรวดน้ำอุทิศส่วนกุศลให้ญาติที่ล่วงลับ และเจ้ากรรมนายเวร
2.จัดสำรับคาวหวานไปทำบุญถวายภัตตาหารที่วัด และปฏิบัติธรรม ฟังพระธรรมเทศนา🙏🏻
3.ปล่อยนกปล่อยปลา เพื่อสร้างบุญสร้าง กุศล🐥
4.ร่วมเวียนเทียนรอบอุโบสถที่วัดในตอนค่ำ เพื่อรำลึกถึงพระพุทธ พระธรรมพระสงฆ์
5.ร่วมกิจกรรมเกี่ยวกับวันสำคัญทางพุทธศาสนา🙏🏻
6.จัดแสดงนิทรรศการ ประวัติ หรือเรื่องราวความเป็นมาเกี่ยวกับวันวิสาขบูชาตามโรงเรียน หรือสถานที่ราชการต่างๆ เพื่อให้ความรู้ และเป็นการร่วมรำลึกถึงความสำคัญของวันวิสาขบูชา
7.ประดับธงชาติตามอาคารบ้านเรือน วัดและสถานที่ราชการ
8.บำเพ็ญสาธารณประโยชน์

ขอบพระคุณแหล่งที่มาข้อมูลและรูปภาพ
เครดิต:ที่มาข้อมุล
www.pdbrassthailand.com
th.wikipedia.org
www.hilight.kapook.com/
www.dhammathai.org/
เครดิต:ที่มารูปภาพ
www.chularat.com

การสรงน้ำพระที่บ้าน ชีวิตดี

วิธีสรงน้ำพระที่บ้าน ขั้นตอนและการทำความสะอาดอย่างถูกวิธี

การสรงน้ำพระ คือ การทำความสะอาดพระพุทธรูป หิ้งพระ รูปภาพ และสิ่งของต่าง ๆ รวมไปถึงที่ประดิษฐานขององค์พระพุทธรูปให้สะอาดบริสุทธิ์ หรือเรียกอีกอย่างว่า “การถวายเครื่องเถราภิเษก” ซึ่งเป็นพิธีกรรมที่มีมาตั้งแต่สมัยพุทธกาลและสืบเนื่องต่อมาจนถึงปัจจุบันและต้องทำเป็นประจำทุกปี ถือว่าเป็นการชำระพระวรกายของพระพุทธเจ้าให้ปราศจากมลทิน เพื่อให้เกิดมุทิตาจิต เบิกบานใจ สุขใจ และเกิดความเป็นสิริมงคลกับผู้ที่ปฏิบัติและทุกคนในบ้าน นอกจากนี้ยังเป็นการแสดงถึงความเคารพและเสื่อมใสศรัทธาต่อพระรัตนตรัยทั้ง 3 ประการอีกด้วย กระปุกดอทคอมเลยนำวิธีสรงน้ำพระที่บ้านอย่างถูกต้องมาให้ได้ชม เพื่อให้ผู้ที่เลื่อมใสและศรัทธาในพระพุทธศาสนาได้นำไปปฏิบัติกัน

อุปกรณ์สรงน้ำพระที่บ้าน

  • ผ้าเช็ดทำความสะอาดผืนใหม่หรือฟองน้ำสะอาด
  • ขันใส่น้ำสำหรับเช็ดทำความสะอาดทั่วไป
  • โต๊ะที่ประดิษฐานชั่วคราว
  • พานและถาดรองตามความเหมาะสม
  • เครื่องหอม (ดอกไม้หอม, พวงมาลัย, น้ำหอม/น้ำอบ/น้ำปรุง)
  • ขันใส่น้ำสำหรับสรงน้ำพระ

ขั้นตอนการสรงน้ำพระที่บ้าน (ถวายเครื่องเถราภิเษก)

  1. เริ่มจากอัญเชิญพระพุทธรูปขึ้นมาเช็ดทำความสะอาดเบื้องต้นด้วยผ้าผืนใหม่หรือฟองน้ำสะอาดทีละองค์ ถ้าหากเป็นกรอบรูปก็ให้ใช้ฟองน้ำชุบน้ำบิดหมาดแล้วเช็ดให้เกลี้ยงเกลา
  2. จากนั้นอัญเชิญพระพุทธรูปทั้งหมดไปประดิษฐานไว้ที่พาน โดยมีถาดรองบนโต๊ะที่ประดิษฐานชั่วคราว พร้อมทั้งประดับประดาโต๊ะด้วยดอกไม้หอม กลีบดอกไม้ และพวงมาลัยให้สวยงาม
  3. ต่อมาก็เตรียมเครื่องหอม โดยการโรยดอกไม้หอม พวงมาลัย น้ำหอม น้ำอบ หรือน้ำปรุงใส่ในขันน้ำสะอาดไว้สำหรับสรงน้ำพระ
  4. หลังจากนั้นก็หันมาทำความสะอาดที่ประดิษฐานองค์พระประจำบ้าน เช่น หิ้งพระ โต๊ะหมู่บูชา และสิ่งของที่เกี่ยวข้องกับที่ประดิษฐานองค์พระให้สะอาดสะอ้าน
  5. ขั้นตอนสุดท้ายก็ถึงเวลาที่ทุกคนในบ้านต้องมาตั้งจิตอธิษฐานและร่วมสรงน้ำพระไปพร้อม ๆ กัน โดยการนำขันน้ำที่ใส่เครื่องหอมเตรียมไว้มาสรงที่พระพุทธรูปให้ครบทุกองค์ พร้อมกับกล่าวขอขมา ดังต่อไปนี้

การกล่าวขอขมาก่อนสรงน้ำพระที่บ้าน

  • ก่อนอัญเชิญพระพุทธรูปไปประดิษฐานที่สรงน้ำชั่วคราว ให้กล่าวขอขมาเพื่อไม่ให้เกิดโทษ โดยการตั้งนะโม 3 จบ และตามด้วย “ระตะนัตตะเย ปะมาเทนะ ทวาระตะเยนะ กะตัง สัพพัง อะปะราธัง ขะมะตุ โน ภันเต” แล้วจึงอัญเชิญพระพุทธรูปไปยังที่ประดิษฐานชั่วคราว
  • ก่อนเริ่มสรงน้ำพระพุทธรูปด้วยน้ำสะอาดที่ปรุงด้วยเครื่องหอมนั้น ให้ตั้งนะโม 3 จบ และตามด้วย “อิมินา สิญฺจะเนเนวะ โรโค โสโก อุปัททะโว นิพพันตุ สัพพะโส เอเต สุขี โหนตุ นิรันตะรัง” เพื่อกล่าวคำอธิษฐาน แล้วค่อยตักน้ำสรงพระพุทธรูปต่อไป

ขอขอบคุณข้อมูลจาก เวปเพื่อนบ้าน.

Buddhachinnawong ศูนย์ปฏิบัติธรรมพุทธชินวงศ์, เฟซบุ๊ก TYC ชุมชน บ้านกร่าง และ Bp , kapook, พีดี เครื่องทองเหลือง

ทองเหลืองมีประโยชน์อย่างไร ?

ทองเหลืองมีประโยชน์อย่างไร ?

ทราบหรือไม่ว่าก่อนจะมาเป็นเครื่องทองเหลืองต่างๆที่เราใช้งานกันอย่างแพร่หลายนั้น มีวิธีการผลิตก่อนที่จะเป็นสินค้าต่างๆ อาทิเช่น ขันทองเหลือง พาน ถาด โตก ปิ่นโต หรือ เครื่องสังฆภัณฑ์ ที่มีส่วนผสมทองเหลืองนั้น มีความเป็นมาอย่างไรบ้าง?

วันนี้: พีดีเครื่องทองเหลือง ไปศึกษาหาข้อมูลความรู้เกี่ยวกับทองเหลืองมีที่มาอย่างไร และ ผลิตกันแบบไหน? มาให้อ่านกันอย่างง่ายๆแบบฉบับของเรา

ขันทองเหลือง ลายเรียบ
ตัวอย่างขันทองเหลือง ลายเรียบ ทำมาจากทองเหลืองคุณภาพ

ทองเหลือง (Brass) เป็นโลหะผสม (alloy) ระหว่างทองแดงกับสังกะสีเป็นหลัก อัตราส่วนที่ใช้ผสมขึ้นกับความต้องการในการใช้งาน โดยทั่วไปจะผสมทองแดงลงในอัตราส่วน 5-45% หรือเพิ่มตามต้องการ ส่วนที่เหลือเป็นสังกะสี และโลหะเจือปนอื่นเล็กน้อย ซึ่งจะได้โลหะทองเหลืองที่มีความแข็ง และเหมาะแก่การใช้งานแตกต่างกันไป และหากใช้ทองแดงผสมมากกว่า 50% เรียกว่า ทองเหลือง และใช้ทองแดงผสมมากกว่า 72% หรือมีสังกะสี 5-15% เรียกว่า ทอมแบก (Tombac)

ชนิด และส่วนผสมทองเหลือง
ในอุตสาหกรรมผลิตทองเหลืองจะแยกมาตรฐานทองเหลืองออกเป็น 2 กลุ่ม คือ

  1. ทองเหลืองรีดเป็นแท่งหรือเป็นแผ่น (Wrough Copper Alloys)
  2. ทองเหลืองประเภทหล่อ (Cast copper)

ประโยชน์ทองเหลืองที่ดี
ทองเหลืองที่ดีนั้นจะต้องมีคุณสมบัติเป็นโลหะที่มีความแวววาว สวยงาม แข็งแรง และทนต่อการเกิดสนิมได้ดี นิยมตีขึ้นรูปหรือหล่อเป็นเครื่องเรือน เครื่องใช้ เครื่องประดับหรืออุปกรณ์ต่างๆ ได้แก่

  • เครื่องทองเหลือง เครื่องทองเหลืองที่ใช้ในครัวเรือน เช่น ขัน ถาด พาน ปิ่นโต ครก กระทะทองเหลือง เป็นต้น
  • พระพุทธรูปทองเหลืองต่างๆ เงินตราในสมัยเก่า ปลอกกระสุนปืน เครื่องราง ของขลัง ฯลฯ
  • เป็นอาวุธก็เห็นมีบ่อยเหมือนกัน เช่น หอก ดาบ มีด โซ่ทองเหลือง ตรวน เป็นต้น
  • วัสดุก่อสร้าง เช่น ก็อกน้ำ ตะปู ข้อต่อเกลียว สายไฟ เป็นต้น
  • เครื่องประดับ เช่น แหวน ต่างหู กำไร กระดุม นาฬิกา โคมไฟ เป็นต้น
  • เครื่องดนตรีก็มีนะ เช่น ฉาบ ฉิ่ง กระดิ่ง กระพรวน แซกโซโฟน ทรัมเป็ต ทรอมโบน
  • เครื่องทองเหลืองทำขนมไทย เช่น พิมพ์ขนมครก กรวยทำขนม กระทะ พิมพ์ขนมบัวลอยทองเหลือง เป็นต้น

* จากบทความที่ย่อมาจากงานวิชากาหลายๆที่เรื่องของทองเหลืองนั้น เราจะเห็นว่าก่อนจะมาเป็นทองเหลืองขึ้นรูปโดยการผลิตสินค้าออกมาขายอย่างสวยงามก็ต้องมีวิธีการหลากหลายแต่ก็พอสรุปให้เข้าใจได้อย่างง่าย ต่อมาเราก็มาดูถึงคุณสมบัติของทองเหลืองกันอีก

คุณสมบัติของทองเหลือง

  • ทองเหลืองมีผิวแวววาว
  • ต้องมีความแข็งแรงสูง
  • สามารถทนต่อการกัดกร่อนได้ดี
  • และทนกับแรงกระแทก
  • ทองเหลืองมีการใช้งานที่ทนทาน
  • สิ่งสำคัญต้องมีจุดหลอมเหลวไม่สูง
  • ใช้เทคโนโลยีที่ซับซ้อนให้ยุ่งยาก

เห็นไหม?ว่า ทองเหลืองยังสามารถนำมาประยุกต์ใช้หรือดัดแปลงเป็นเครื่องใช้ในครัวเรือนโดยที่ไม่มีความจำเป็นจะต้องใช้เทคโนโลยีที่ซับซ้อนให้ยุ่งยาก ซึ่งได้รับความนิยมตั้งแต่สมัยก่อนมาถึงปัจจุบันนี้ และในอนาคต

ขอบคุณที่มาของข้อมูล Cr. : pdbrassthailand , wikipedia , siamchemi

วิธีซื้อสินค้า : พีดี เครื่องทองเหลือง พระเก่า วิถีไทย

วิธีซื้อสินค้า : พีดี เครื่องทองเหลือง พระเก่า วิถีไทย
#วิธีสั่งซื้อ #ซื้อสินค้า #เครื่องทองเหลือง #ทองเหลือง #พีดีเครื่องทองเหลือง #พระเก่า #วิถีไทย

อัตราค่าบริการจัดส่งทั่วประเทศ

อัตราค่าบริการจัดส่งทั่วประเทศ (ราคาพัสดุจัดส่ง)
*ส่งสินค้าด่วน !! ⛟✈
⚗http://www.pdbrassthailand.com

ประดับความรู้ 💟เครื่องหมาย “ธงกฐิน 4 แบบ”

🕊⚘คนรุ่นใหม่อาจไม่รู้.. 🕯📗📕📚🗞📰
พระมหาสมศักดิ์ สุธัมมเมธี ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดดาวดึงษาราม เขตบางพลัด กรุงเทพฯ เล่าว่า ธงกฐิน เป็นเครื่อง หมายแสดงให้รู้ว่าวัดนี้ได้รับผ้ากฐินแล้วมี 4 แบบแฝงด้วยความรู้เกี่ยวกับธรรมะ คติธรรม ประกอบด้วย

1.ธง จระเข้ เปรียบถึง ความโลภ (ปากใหญ่ กินไม่อิ่ม) มีตำนานว่าเศรษฐีเกิดเป็นจระเข้ว่ายน้ำตามขบวนกฐินจนขาดใจตาย ใช้ประดับวัดที่ทอดกฐินเสร็จเรียบร้อยแล้ว ญาติโยมที่เดินผ่านไปมาเห็นเข้าก็จะยกมือไหว้อนุโมทนาสาธุ

2.ธง ตะขาบ หมายถึง ความโกรธ (พิษ ที่เผ็ดร้อนเหมือนความโกรธที่แผดเผาจิต) ใช้ประดับเพื่อแจ้งว่า วัดนี้มีคนมาจองกฐินแล้ว ให้ผู้จะมาปวารณาทอดกฐินผ่านไปวัดอื่นเลย ไม่ต้องเสียเวลามาถาม

3.ธง นางมัจฉา หมายถึง ความหลง (เสน่ห์แห่งความงามที่ชวนหลงใหล) ใช้ประดับ งานพิธีถวายผ้ากฐิน เป็นตัวแทนหญิงสาว ตามความเชื่อว่า อานิสงส์จากการถวายผ้าแก่ภิกษุสงฆ์จะมีรูปงาม

4.ธงเต่า หมายถึง สติ ใช้ประดับเพื่อแจ้งว่า วัดนี้ทอดกฐินเรียบร้อยแล้ว จะปลดลงในวันเพ็ญเดือน 12

😀ขอบคุณแหล่งที่มาบทความดีดี จากเพจเพื่อนบ้าน
Cr.เรื่องเล่าขานตำนานพระเกจิฆราวาส. 🙏🙏🙏